 |
By Monarchians (Own work) [CC BY 2.0
(http://creativecommons.org/licenses/by/2.0) or GFDL
(http://www.gnu.org/copyleft/fdl.html)], via Wikimedia Commons |
คอลัมน์: ต้นซอยวิภาฯ 38 "สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมีพระกรุณาธิคุณต่อช้างไทย" ตอนที่ 1 และ 2
โดย ผศ.ทวีเกียรติ ไชยยงยศ
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง|
เสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2551 09:30:45 น. และ
อาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2551 11:05:38 น.
ท่ามกลางที่ประชาชนชาวไทย กำลังมีความสุขในโอกาสที่วันปีใหม่ 2551 มาเยือน
แต่พลันประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ
ต้องร่ำไห้เศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้งเมื่อสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สิ้นพระชนม์ เมื่อเวลา 2
นาฬิกา 54 นาที วันพุธที่ 2 มกราคม 2551 ด้วยพระชันษา 84 ปี
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
เสด็จประทับรักษาพระอาการประชวร ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2550
พสกนิกรชาวไทยทั้งปวงต่างอัดอั้นหวั่นเกรงเมื่อได้ยินแถลงการณ์สำนัก
พระราชวัง ถึงอาการประชวรของพระองค์ท่านมาเป็นลำดับ
ได้แต่ภาวนาให้พระองค์ท่านหายประชวรโดยเร็ว
สุดท้ายพระองค์ต้องเสด็จสู่สวรรคาลัยในที่สุด
ยังความเศร้าโศกมาสู่พสกนิกรชาวไทย
เสียงร่ำไห้ของคนไทยดังระงมไปทั่วแผ่นดิน
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
ทรงเป็นที่รักยิ่งของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและของประชาชนชาวไทย
ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2466 เป็นพระธิดาองค์แรก
ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
(สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์)
และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (หม่อมสังวาลย์ มหิดล)
หรือสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย เมื่อแรกประสูติทรงพระนามในสูติบัตรว่า “เมย์”
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานนามว่า “หม่อมเจ้าหญิงกัลยาณิวัฒนา”
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
ทรงเป็นเชษฐภคินีของพระมหากษัตริย์ถึง 2 พระองค์ คือพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร
มหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
(รัชกาลที่ 9) พระองค์มีพระธิดาคนเดียวคือ ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม
พระองค์ยังทรงเป็นสมเด็จยายของพระนัดดา คือ ร้อยเอกจิทัศ ศรสงคราม อีกด้วย
ตลอดพระชนมายุ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
ทรงมีพระกรณียกิจ อุทิศพระองค์เพื่อปวงชนชาวไทยหลายแขนง เช่น
ทรงเป็นพระอาจารย์
ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้แก่นิสิตนักศึกษาในหลายมหาวิทยาลัย
ทรงเสด็จเยี่ยมเยียนราษฎรตามท้องถิ่นทุรกันดารอยู่ไม่ขาดตั้งแต่สมัยที่
สมเด็จย่ายังทรงมีพระชนม์อยู่ แม้เมื่อสมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
ทรงรับภาระออกเยี่ยมเยียนราษฎร์แทนตลอดมา
นับเป็นการแบ่งเบาพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอันมาก
นอกจากนั้น ยังทรงรับหน่วยงานต่างๆ ไว้ในพระอุปถัมภ์ เป็นจำนวนถึง 63 แห่ง
นับเป็นพระกรณียกิจอันยิ่งใหญ่ ซึ่งน้อยคนนักจะทำได้
ในที่นี้ไม่เว้นแม้กระทั่งองค์การที่ทำงานอนุรักษ์ช้างไทย คือ
สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
สังกัดองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
น้อยนักที่จะมีคนทราบว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
ทรงรักและห่วงใยช้างไทยเป็นอย่างมาก ทรงมีพระดำรัสครั้งหนึ่งว่า ปีประสูติ
คือ “ปีกุน” หมายถึง “ปีช้าง” ในความเชื่อของชาวเหนือ แต่เป็น “ปีหมู”
ของชาวภาคกลาง
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
ทรงทราบถึงคุณประโยชน์และปัญหาของช้างไทยที่ใกล้สูญพันธ์อย่างลึกซึ้ง
จึงทรงรับสถาบันคชบาลแห่งชาติ ไว้ในพระอุปถัมภ์
ตามคำขอพระราชทานพระกรุณาธิคุณ ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เมื่อวันที่ 22
กุมภาพันธ์ 2545 ในสมัยที่ นายชนัตร เลาหะวัฒนะ
เป็นผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
และทรงเสด็จเยี่ยมศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์
อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ถึง 5 ครั้ง ทรงรับช้างพังไว้ในพระอุปถัมภ์ถึง 3
เชือก และทรงรับช้างป่วยไว้ในพระอุปถัมภ์ อีก 1 เชือก ชื่อพังกรุงศรี
ที่ถูกกับระเบิดขาขาด
การเสด็จเยี่ยมศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ครั้งแรก
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2537 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
เสด็จเยี่ยมลูกช้างพังยม (อายุ 1 ขวบ)
และทรงรับลูกพังยมไว้ในพระอุปถัมภ์เป็นเชือกแรก ทรงประทานชื่อลูกพังยมว่า
“จุฑานันท์”
ซึ่งก่อนหน้านี้คนทั่วไปในสถาบันคชบาลตั้งชื่อว่า “พระธิดา”
เพื่อรอการประทานชื่อ เมื่อทรงประทานชื่อแล้ว จึงต้องเรียกว่า “จุฑานันท์” ขณะนี้พังจุฑานันท์ เติบโตเป็นช้างสาวสวยอายุ 15 ปี มีนิสัยร่าเริง น่ารัก
นิสัยดี
การเสด็จเยี่ยมศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ครั้งที่ 2
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2540 ซึ่งตรงกับวันประสูติ
ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ พอดี
และช้างเลี้ยงของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ชื่อพังวังเจ้า ได้ตกลูกเพศเมีย
ความทราบถึงพระองค์ท่าน จึงได้รับลูกช้างพังวังเจ้า
ไว้ในพระอุปถัมภ์และได้เสด็จเยี่ยมศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย เมื่อวันที่ 27
ธันวาคม 2540 ทรงเยี่ยมลูกช้างพังวังเจ้า และประทานนามว่า “วนาลี” แปลว่า
ทางแนวป่า ปัจจุบันอายุ 11 ปี
การเสด็จเยี่ยมศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ครั้งที่ 3
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2542 ซึ่งเป็นวันช้างไทยพอดี
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
ทรงเสด็จเยี่ยมศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง
คราวนี้พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของควาญช้าง
พระองค์ทรงเห็นว่าอาชีพควาญช้างเป็นอาชีพที่หาคนทำยาก รายได้ก็น้อย
คนที่มีอาชีพนี้ต้องรักจริงๆ ต้องเสียสละ ต้องทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุด
ทรงเห็นว่าควาญช้าง ควรได้รับความช่วยเหลือให้มีชีวิตที่พอเพียง
จึงได้ประทานเงินให้จัดตั้ง “กองทุนสวัสดิการควาญช้าง” ขึ้น
ในสถาบันคชบาลแห่งชาติ เพื่อให้ควาญช้าง และครอบครัว
ได้รับความช่วยเหลือในยามขาดแคลน เช่น การเจ็บป่วย
การศึกษาเล่าเรียนของบุตรธิดา นับเป็นพระกรุณาธิคุณต่อพสกนิกร
“ควาญช้างไทย” เป็นอย่างยิ่ง
การเสด็จเยี่ยมศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ครั้งที่ 4
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2545 เป็นปีสำคัญที่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงเสด็จเยี่ยมเยียนศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ครั้งที่ 4
คราวนี้ทรงติดตามผลการเลี้ยงดูช้างในพระอุปถัมภ์ 2 เชือก คือ พัง
“จุฑานันท์” และพัง “วนาลี” ทรงชื่นชมที่ช้างทั้ง 2 เชือก
เจริญเติบโตแข็งแรง นิสัยดี ในการนี้ทางองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
ได้ขอพระกรุณารับสถาบันคชบาลแห่งชาติ ซึ่งตั้งขึ้นใหม่ ไว้ในพระอุปถัมภ์
พระองค์ก็ทรงมีพระกรุณาธิคุณ รับสถาบันคชบาลแห่งชาติไว้ในพระอุปถัมภ์
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2545
จากนั้นทรงตรัสถามการดำเนินงานของสถาบันอยู่เสมอและประทานเงินส่วนพระองค์
แก่สถาบันทุกๆ ปี
การเสด็จเยี่ยมศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ครั้งที่ 5
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ได้เสด็จเยี่ยมศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยเป็นครั้งที่ 5
ซึ่งนับเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งนี้ทรงเสด็จเยี่ยมโรงพยาบาลช้างเป็นพิเศษด้วย
พร้อมกันนั้นทรงรับลูกช้างเพศเมีย (ลูกพังพุ่มพวง) ไว้ในพระอุปถัมภ์
เป็นเชือกที่ 3 ทรงประทานชื่อว่า “อลีนา” แปลว่า “ว่องไว” พัง “อลีนา”
เกิดวันที่ 6 พฤษภาคม (2547) ซึ่งตรงกับวันประสูติของพระองค์พอดี
ในการเสด็จเยี่ยมศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยในครั้งนี้
พระองค์ทรงสนพระทัยโรงพยาบาลช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติ
ในพระอุปถัมภ์เป็นพิเศษ นายสัตวแพทย์สิทธิเดช มหาสาวังกุล
ได้เล่าถึงพระกรุณาของพระองค์ท่านที่มีต่อช้างที่เจ็บป่วยว่า
“ทรงห่วงใยและตรัสถามการดูแลรักษาช้างป่วยด้วยความสนพระทัย
และทรงให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์อย่างมากมาย
ตลอดจนทรงประทานเงินส่วนพระองค์สนับสนุนโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลช้าง
ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง จำนวน 500,000 บาท
(ห้าแสนบาทถ้วน) เป็นปฐมฤกษ์
เพื่อให้งานรักษาช้างป่วยดำเนินการได้โดยไม่ชักช้า
ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล
นอกจากทรงเสด็จเยี่ยมศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยถึง 5 ครั้งแล้ว
ยังทรงเสด็จเป็นประธานเปิดงานสัมมนาวิชาการ ที่คณะสัตวแพทย์
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ จัดประชุมนานาชาติเรื่องการดูแลสุขภาพช้างเอเชีย
เมื่อ พ.ศ. 2542 ด้วย”
การที่เจ้านายแห่งราชวงศ์ชั้นสูง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงให้ความรักความห่วงใยต่อช้างไทย ตลอดถึงควาญช้าง
นับเป็นแบบอย่างที่ดีที่พสกนิกรไทยควรจะให้ความสนใจ มูลนิธิอารี
สุทธิพันธุ์ สถาบันคชบาลแห่งชาติ และ คณะศิลปกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จึงได้ชักชวนศิลปินทั้งชาวไทย
และศิลปินชาวต่างประเทศ ที่มีความสามารถ ความห่วงใย
ในสภาพความเป็นอยู่ของช้างไทย ตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ มาร่วมกันสร้างสรรค์ศิลปกรรม
และนำผลงานออกแสดงต่อสาธารณชนมาแล้วรวมทั้งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3
เพื่อหวังปลุกจิตสำนึกคนไทยให้ตระหนักถึงปัญหาของช้างไทยเป็นหลักใหญ่
และเพื่อนำรายได้ที่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเพื่อช้าง บริจาคสมทบทุน
“กองทุนศิลปินเพื่อช้าง” สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์
ที่เหล่าศิลปินก่อตั้งขึ้นเพื่อนำเงินไปช่วยแก้ปัญหาของช้าง ไม่ว่าจะเป็น
การรักษาช้างเจ็บป่วย สร้างหน่วยเคลื่อนที่เร็ว
(หน่วยช่วยชีวิตช้างหน่วยที่ 2) ไปช่วยช้างที่เกิดเหตุร้ายเฉพาะหน้า
ตลอดจนช่วยสวัสดิการควาญช้าง และอื่นๆ
เป็นการสนองพระปณิธานของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
แม้พระองค์ได้เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้วด้วยความสำนึกในพระกรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
บทความครั้งต่อไปผู้เขียนขอเสนอบทความเกี่ยวกับนิทรรศการศิลปินเพื่อช้าง
โปรดติดตามบทบาทของมูลนิธิอารี สุทธิพันธุ์ และศิลปินเพื่อช้างครับ
ขอบคุณข่าวจาก หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
เสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2551 09:30:45 น. และ
อาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2551 11:05:38 น.