วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552

รวมข่าว ฉลองชื่อพระราชทาน "พลายปฐมสมภพ"

ศูนย์ช้างลำปางเตรียมตั้งโต๊ะทำพิธีรับชื่อพระราชทานให้ช้างพรุ่งนี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
5 ตุลาคม 2552 10:08 น.

ลำปาง - ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย เตรียมจัดพิธีรับชื่อพระราชทาน “พลายปฐมสมภพ”จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แก่ช้างไทยที่เกิดจากการผสมเทียมเชือกแรก

       ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อลูกช้างพลายที่เกิดจากการผสมเทียมด้วยน้ำเชื้อช้างสดเชือกแรก ในทวีปเอเชีย ว่า “พลายปฐมสมภพ” ซึ่งมีหมายความว่า ช้างพลายเชือกแรก ที่เกิดจากการผสมเทียมน้ำเชื้อ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ฯ และ มูลนิธิกองทุนรักษ์ช้าง จะจัดพิธีรับชื่อพระราชทานขึ้น ในวันพรุ่งนี้ (6 ตุลาคม 2552) เวลา 9.30 น.

       โดยจะจัดให้มีพิธีทางศาสนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และจัดให้มีพิธีฮ้องขวัญช้าง เพื่อรับพระราชทานชื่อ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สำหรับพิธีฮ้องขวัญช้าง ถือเป็นพิธีกรรมตามพิธีลานนา เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ช้าง

       "พลายปฐมสมภพ” คุณพลาย หรือ (AI) ซึ่งเกิดจากโครงการผสมเทียมช้างด้วยน้ำเชื้อสดประสบผลสำเร็จเป็นครั้งแรกใน ประเทศไทย โดยทีมสัตว์แพทย์คนไทยทีมแรกของเอเชีย จากแม่ช้างชื่อ “พังขอด” อายุ 28 ปี (ขณะนั้น)เป็นช้างของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ ฯ ได้ทำการผสมเทียมเมื่อวันที่ 8–10 มิถุนายน 2548 โดยใช้น้ำเชื้อจากช้างเพศผู้ชื่อ “จาปาตี” อายุ 15 ปี(ขณะนั้น) และประสบผลสำเร็จโดยช้าง “พังขอด” ได้แสดงอาการตั้งท้องจากการผสมเทียมและได้ตกลูกช้างเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2550 เป็นลูกช้างพลาย และขณะนี้ลูกช้าง "พลายปฐมสมภพ” อาศัยอยู่ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง มีอายุได้ 2 ปี 7 เดือนแล้ว ทำให้คณะนักวิจัยไทยถือเป็นคณะแรกของประเทศไทยและเอเชียที่ประสบความสำเร็จ ในการผสมเทียมด้วยน้ำเชื้อสด

       ปัจจุบันพลายปฐมสมภพ หรือ AI มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ซุกซน น่ารัก นักท่องเที่ยวมักจะแวะเวียนไปเที่ยวชมและให้อาหารอยู่เป็นประจำ

ขอบคุณข่าวจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000117073&TabID=2&